ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV: Electric Vehicle) กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศไทย การมี ที่ชาร์จรถไฟฟ้า ภายในบ้านหรือสถานประกอบการกลายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวก ประหยัดเวลา และมั่นใจได้ในความปลอดภัย แต่ก่อนจะเริ่มต้นติดตั้ง คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของที่ชาร์จ ขั้นตอนติดตั้ง ค่าใช้จ่าย รวมถึงข้อควรระวัง เพื่อให้ได้ระบบชาร์จที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
ทำไมต้องติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าถนนกาญจนาภิเษก
แม้ว่าในปัจจุบันจะมี สถานีชาร์จรถไฟฟ้าสาธารณะ เพิ่มขึ้น แต่การติดตั้งที่ชาร์จไว้ที่บ้านหรือที่ทำงานก็ยังมีข้อดีที่เหนือกว่า ได้แก่
-
ความสะดวกสบาย ชาร์จได้ทุกเวลาที่ต้องการ
-
ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าไฟบ้านมักถูกกว่าการใช้บริการสถานีชาร์จสาธารณะ
-
ปลอดภัยกว่า เพราะอุปกรณ์ชาร์จมีมาตรฐานและระบบป้องกันไฟฟ้า
-
เพิ่มมูลค่าให้ทรัพย์สิน บ้านหรือโครงการที่มีที่ชาร์จรถ EV จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น
ประเภทของที่ชาร์จรถไฟฟ้า
-
ที่ชาร์จแบบพกพา (Portable Charger)
-
ใช้งานง่าย เสียบปลั๊กไฟบ้านได้โดยตรง
-
เหมาะสำหรับพกติดรถเพื่อใช้งานในกรณีฉุกเฉิน
-
ใช้เวลาชาร์จนาน เหมาะกับการชาร์จชั่วคราว
-
ที่ชาร์จติดตั้งถาวร (Wallbox Charger)
-
นิยมติดตั้งในบ้าน คอนโด หรืออาคารสำนักงาน
-
มีกำลังชาร์จสูงกว่าแบบพกพา (เช่น 7kW–22kW)
-
มีระบบตัดไฟอัตโนมัติและการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน
-
ที่ชาร์จเร็ว (Fast Charger / DC Charger)
-
ชาร์จได้รวดเร็วมาก เหมาะกับสถานีบริการสาธารณะหรือธุรกิจ
-
ใช้เวลาเพียง 30–60 นาทีต่อการชาร์จเต็ม
-
ต้องลงทุนสูงและใช้ระบบไฟฟ้าที่ซับซ้อน
ขั้นตอนการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าถนนกาญจนาภิเษก
-
ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
ควรให้วิศวกรหรือช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตมาตรวจสอบว่าบ้านหรือสถานที่สามารถรองรับการติดตั้งได้หรือไม่
-
เลือกกำลังไฟและรุ่นเครื่องชาร์จ
ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านนิยมใช้ Wallbox EV Charger ขนาด 7kW เพราะเพียงพอสำหรับการชาร์จข้ามคืน
-
กำหนดตำแหน่งติดตั้ง
ติดตั้งใกล้กับที่จอดรถ เดินสายไฟได้สะดวก ปลอดภัยจากความชื้นหรือน้ำท่วม
-
ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
ห้ามติดตั้งเองเด็ดขาด ควรใช้บริการจากบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับมาตรฐาน
-
ทดสอบระบบ
หลังติดตั้งเสร็จ ต้องมีการทดสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ให้มั่นใจว่าปลอดภัยและใช้งานได้จริง
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้า
ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับรุ่นของที่ชาร์จและโครงสร้างระบบไฟฟ้าในบ้าน โดยทั่วไปมีรายละเอียดดังนี้
-
Wallbox Charger ราคาเริ่มต้น 20,000–60,000 บาท
-
Fast Charger เริ่มต้นตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท (เหมาะสำหรับธุรกิจ)
-
ค่าแรงติดตั้งและอุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม ประมาณ 10,000–30,000 บาท
-
หากต้องอัพเกรดระบบไฟฟ้า เช่น เพิ่มมิเตอร์หรือหม้อแปลง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ข้อควรระวังในการติดตั้ง
-
ควรเลือกอุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน IEC, TIS หรือมาตรฐานสากลอื่น ๆ
-
ติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่เสี่ยงน้ำท่วมหรือความชื้นสูง
-
ควรมี เบรกเกอร์ป้องกันไฟดูด (RCD) และระบบตัดไฟอัตโนมัติ
-
ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นประจำ
ประโยชน์ของการมีที่ชาร์จรถไฟฟ้าในบ้าน
-
อิสระในการใช้งาน ไม่ต้องคอยหาสถานีชาร์จนอกบ้าน
-
เพิ่มความปลอดภัย ทั้งต่อรถและผู้ใช้งาน
-
ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
-
รองรับอนาคต เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นมาตรฐานยานยนต์
แนวโน้มการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าในไทย
รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดภาษี การให้เงินอุดหนุน และส่งเสริมการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จ EV ทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของบ้านและธุรกิจต่าง ๆ หันมาติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อรองรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
สรุป
การ ติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้า ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าของรถ EV เพราะช่วยให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนซื้อรถไฟฟ้า การเตรียมพร้อมเรื่องที่ชาร์จถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ และตรวจสอบระบบไฟฟ้าให้พร้อมเสมอ เพื่อให้การขับขี่ EV ของคุณเต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกการเดินทาง
บริการของเรา
ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านถนนกาญจนาภิเษก
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าถนนกาญจนาภิเษก
ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าถนนกาญจนาภิเษก
เครื่องชาร์จ EVถนนกาญจนาภิเษก
การติดตั้ง EV Chargerถนนกาญจนาภิเษก
ติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ที่บ้านถนนกาญจนาภิเษก
EV Wall Chargerถนนกาญจนาภิเษก
ที่ชาร์จรถไฟฟ้าภายในบ้านถนนกาญจนาภิเษก
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้ามาตรฐานถนนกาญจนาภิเษก
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าราคาถูกถนนกาญจนาภิเษก









ติดตั้งวงจรที่2ถนนกาญจนาภิเษก
ถนนกาญจนาภิเษก (Thanon Kanchanaphisek) หรือ ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 เป็นถนนสายสำคัญที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ รวมถึงผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย มีระยะทางตลอดทั้งสายรวม 168 กิโลเมตร
ถนนสายนี้เดิมมักเรียกกันว่า ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันตก มีเส้นทางเริ่มตั้งแต่ถนนพระรามที่ 2 ตัดผ่านฝั่งธนบุรี เข้าสู่จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี ไปสิ้นสุดที่ถนนพหลโยธิน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญชื่อ พระราชพิธีกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีในปี พ.ศ. 2539 มาเป็นชื่อเรียกถนนสายนี้ คือ ถนนกาญจนาภิเษก